คุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ มักให้ลูกเล่นมือถือ หรือแท็บเล็ตเพื่อที่ลูกจะได้อยู่นิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน แต่รู้หรือไม่ว่าการให้ลูกเล่นมือถือ หรือแท็บเล็ตมากๆ อาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กสมาธิสั้นได้
ต้องยอมรับว่าเด็กๆสมัยนี้โตมากับเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทันสมัย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองมักมีไว้ให้เด็กๆเล่น เพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานมา เลยอยากพักผ่อน เพื่อที่ลูกจะได้ไม่กวน โดยความเป็นจริงแล้วไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นจะดีที่สุด เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้นได้มากขึ้น เพราะเมื่อเล่นไปนานๆ อาจส่งผลให้เด็กขาดการควบคุมตนเอง อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น และอาจทำให้มีอาการสมาธิสั้นได้ หากเด็กเป็นโรคสมาธิสั้นอยู่ก่อนแล้ว อาการสมาธิสั้นก็จะรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ การปล่อยให้ลูกเล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานานจะส่งผลให้ลูกมีปัญหาทางด้านสายตา พูดช้า บุคลิกภาพไม่ดี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของลูก และถือเป็นการสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ ปลูกต้นไม้ด้วยกัน หรือไปวิ่งด้วยกัน เป็นต้น โดยเด็กที่สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้นั้น จะให้ดีควรให้เด็กมีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป แต่ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของผู้ปกครอง และค่อยจำกัดเวลาเล่น เพื่อที่จะไม่ส่งผลเสียต่อพัฒนาการการเรียนรู้และการเข้าสังคม ถ้าพบว่าลูกเป็นเด็กสมาธิสั้นยิ่งไม่ควรให้เล่นเลย
เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้แบบนี้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรให้ลูกเล่นมือถือ หรือแท็บเล็ตเลยจะดีกว่า เพราะจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กสมาธิสั้น ทางที่ดีหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำจะดีกว่า หากพบว่าลูกเป็นโรคสมาธิสั้น ลองส่งลูกมาเข้าคอร์สสมาธิสั้นที่สถาบัน BrainFit Studio ดู เพราะมีหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อผู้มีอาการสมาธิสั้นโดยเฉพาะ คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน